Location Intelligence ช่วยให้ FedEx รักษาความตรงเวลา

 

Mark Yerger รองประธานฝ่ายการจัดการพัสดุที่ FedEx Express ทราบว่าเครื่องบินจอดอยู่ที่ใดและจะหาชิ้นส่วนที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาจากการใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) Yerger สามารถติดตามความคืบหน้าล่าสุดของเครื่องบินเจ็ต 386 ลำ เพียงคลิกเดียวบนคอมพิวเตอร์ เขาสามารถรับรู้ข้อมูลทุกอย่างที่เขาต้องการเกี่ยวกับเที่ยวบินนั้นๆ

ระดับของการรับรู้เชิงพื้นที่หรือ ระบบการระบุตำแหน่งอัจฉริยะ Location intelligence ช่วยให้ Yerger และทีม รักษามาตรฐานของสภาพเครื่องบินและตารางบินได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่นปีที่แล้วมีเพียง 60 เที่ยวบินของ FedEx จากประมาณ 240,000 เที่ยวบินหรือ .025% ที่ขึ้นบินล่าช้ากว่ากำหนด 15 นาทีเนื่องจากอะไหล่มาไม่ทันเวลา

การบริการที่มีประสิทธิภาพ (5Ps)

สิ่งที่ Yerger ให้ความสำคัญ คือสถานะการปฏิบัติงานของเครื่องบิน FedEx หลายร้อยลำและชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ที่รับประกันความพร้อมในการทำงานของพวกเขา ชิ้นส่วนเหล่านั้นมีตั้งแต่หมุดที่ราคาไม่กี่เพนนีไปจนถึงเครื่องยนต์ที่มีราคาหลายล้านดอลลาร์ สำหรับการดำเนินการในองค์กรใหญ่ระดับ FedEx เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น FedExไม่สามารถเก็บทุกชิ้นส่วนไว้ในทุกสนามบินทั่วโลก Yerger และทีมของเขาพึ่งพา Location Intelligence เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับชิ้นส่วนและเครื่องบิน

Yerger ใช้ 5Ps เพื่ออธิบายทฤษฎีของเขา “ฉันต้องมีชิ้นส่วนอะไหล่ (Part), บุคคลากร (Person), แผนงาน (Plan) และ(Plane) เครื่องบิน ทั้งหมดอยู่ในที่เดียวกัน (Place) ในเวลาเดียวกัน” เขากล่าว

และจะสามารถดำเนินการเช่นนั้นได้ Yerger มักจะจัดส่งชิ้นส่วนที่จำเป็นบนเครื่องบิน FedEx ที่ขนส่งสินค้าเป็นปกติและบินกลับมาที่เดิม ที่เครื่องบินต้องการการซ่อมบำรุง เขาสามารถสั่งการได้โดยหาชิ้นส่วนที่ถูกต้อง จากนั้นประสานงานการขนส่งกับเครื่องบินที่อยู่บนอากาศหรือกำลังจะบินออก

“ถ้าผมสามารถรับข้อมูลที่ถูกคัดกรองมาง่ายดายและรวดเร็ว ผมจะไม่ต้องเร่งรีบในการจัดการ” เขากล่าว นั้นหมายความว่าเขาสามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเส้นทางในนาทีสุดท้าย หรือการบินโดยเสียเปล่าเพื่อที่จะนำแค่วัสดุชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องการกลับมา  เที่ยวบินเหล่านั้นเผาผลาญเชื้อเพลิงราคาแพงและชั่วโมงบินของนักบินโดยไม่ได้ขนส่งพัสดุใดๆของลูกค้าเลย

การร่วมมือกับฝ่ายไอที

Yerger พึ่งพาโปรแกรมที่ FedEx ได้สร้างและปรับปรุงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาภายใต้การดูแลของ Bob Minford รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีการบินของบริษัท โปรแกรมดังกล่าวผสานเทคโนโลยีระบบ GIS เข้ากับระบบการบำรุงรักษาซ่อมแซมและการทดสอบแก้ไข (MRO) ของ FedEx ส่งมอบข้อมูลตำแหน่งในแผนที่อัจฉริยะ (Location intelligence) โปรแกรมดังกล่าวสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานสำหรับผู้บริหาร FedEx, นักบิน, ช่างเครื่อง, คนจัดตารางบิน และพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าไปในที่ที่กำหนด

เพื่อจะทำให้การขนส่งสินค้าให้ตรงตามเวลา FedEx ต้องการข้อมูลที่รวดเร็ว “ไม่ว่าพวกเขากำลังนั่งอยู่ในฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลก ที่จัดการการดำเนินงานทั้งหมด หรือในศูนย์ปฏิบัติการบำรุงรักษา หรือในช่วงเวลาการบำรุงรักษาที่รอให้เครื่องบินเข้ามา พวกเขาก็จะได้เห็นข้อมูลทั้งหมด” Bob Minford กล่าวเพิ่มเติม “มันเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหล่านั้นเข้าด้วยกัน โดยนำแหล่งข้อมูลที่ต่างกันทั้งหมด มารวมกันเป็นข้อมูลที่ดีที่สุด เพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด”

ข้อมูลเพื่อประหยัดเวลา

ประเด็นสำคัญของระบบของ FedEx เอกสารมากมายได้ถูกแทนที่ด้วยแผนที่อัจฉริยะ  Yerger กล่าว

“ผมไม่ต้องเสียเวลาดูข้อมูลผ่าน 130 หรือ 140 บรรทัด เพื่อดูว่าเที่ยวบินออกเดินทางไปตั้งแต่ตอนไหน หรือเมื่อไหร่มันควรจะออกไป และเมื่อไหร่จะกลับมาที่เมมฟิส (สำนักงานใหญ่ของ FedEx)”

FedEx จัดการชิ้นส่วนมากกว่า 80,000 รายการสำหรับปฏิบัติการทางอากาศ ที่มีการจัดเก็บอย่างน้อย 1 ชิ้น จากประมาณ 575,000 ชิ้นที่เก็บอยู่ที่สนามบินทั่วโลก ซึ่งมีเครื่องบินเกือบ 700 ลำเดินทางไปยัง 175 สนามบินทั่วโลก

เมื่อหนึ่งในเครื่องบินเหล่านั้นต้องการการซ่อมบำรุงและ 5 Ps ไม่พร้อม ลูกทีมของ Yerger จะใช้ระบบโลจิสติกส์เพื่อค้นหาชิ้นส่วนทดแทนที่ถูกต้อง และประสานงานขนส่งมากับเครื่องบินเที่ยวต่อไป Yerger เปรียบกระบวนการนี้เสมือนการส่งผ่านลูกฮอกกี้ไปยังเพื่อนร่วมทีม แทนที่จะเป็นที่ที่เขาอยู่

เพื่อตอบสนอง “ความต้องการที่เปลี่ยนแปลง” FedEx ต้องส่งชิ้นส่วนมากกว่า 850,000 ชิ้นต่อปี มันเป็นงานใหญ่ ที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วขึ้นและมีความถูกต้องมากขึ้น ด้วยการใช้ระบบระบุตำแหน่งอัจฉริยะ (Location Intelligence)

ปัญญาประดิษฐ์คาดการณ์ความต้องการการบำรุงรักษา

 Yerger, Minford และทีมงาน FedEx ทุกคนรู้ว่าความเร็วสำคัญมากแค่ไหนต่อความพึงพอใจของลูกค้าและความได้เปรียบในการแข่งขัน ระบบข้อมูลระบุตำแหน่งที่พวกเขาใช้อยู่ ช่วยในการตัดสินใจที่ถูกต้องเร็วขึ้น

และถึงแม้จะประสบความสำเร็จ FedEx ก็ยังคงหาวิธีที่จะนำสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากระบบและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง  Minford  กล่าวว่าขณะนี้ได้รวมเอาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งคาดการณ์ว่าเมื่อไหร่เครื่องบินจะต้องการชิ้นส่วนทดแทนหรือต้องการการตรวจสอบและการบำรุงรักษา

“ เมื่อมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น เราสามารถเพิ่มชั้นข้อมูลเพื่อความเชื่อมโยงกัน และความชัดเจนของแผนที่ช่วยให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ความคำนึงถึงข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเวลาและสถานที่ช่วยให้ Yerger และเจ้าหน้าที่ FedEx คนอื่น ๆ สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดได้อย่างรวดเร็ว” Minford กล่าว

เมื่อฉันนึกถึง GIS ฉันนึกถึง 2 สิ่ง – ไม่เพียงแต่ตำแหน่งของเครื่องบินของเราเท่านั้น แต่ GIS ยังช่วยเรื่องการบริหารเวลาของเราด้วย และนั่นเป็นตัวแปรสองตัวที่สำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจของ FedEx