Nespresso : การสร้างคุณค่าทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน เนสเพรสโซ่ได้ใช้ ระบบภูมิสารสารสนเทศ (GIS) และ  Location Intelligence เพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศและภูมิศาสตร์ที่ครอบคลุมพื้นที่รอบไร่กาแฟ

“เราทำงานอย่างเต็มที่เพื่อทำความเข้าใจกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศรอบไร่กาแฟ รวมถึงผลกระทบจากไร่ไปสู่สิ่งแวดล้อมรอบๆเราด้วย”  เดอ ปิเอโตร ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการและเทคโนโลยี บริษัท เนสท์เล่ เนสเปรสโซ่ เอส.เอ.  กล่าว

Nespresso ได้นำเอาเทคโนโลยี Big Data Analytics และ Location Intelligence มาศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อมาใช้พัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาด

Nespresso เป็นที่รู้จักทั่วโลกว่าเป็นกาแฟระดับพรีเมี่ยม โดยกุญแจแห่งความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าก็คือ การให้ความสำคัญกับความเสถียรในรสชาติกาแฟ อย่างไรก็ตามกาแฟนั้นเป็นพืชที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน มักจะขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นส่วนใหญ่ และขึ้นอยู่กับบริเวณมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก สำหรับ Nespresso แล้ว การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงการเป็นพลเมืองที่ดีเท่านั้น แต่หมายถึงการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืนด้วย

“ความยั่งยืนคือแก่นหลัก และเป็นความสำเร็จในระยะยาวที่จำเป็นในธุรกิจของเรา” เดอ ปิเอโตร กล่าว

“มีการศึกษาและวิจัยกล่าวไว้ว่า ภายในปี 2050 เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าอาจจะสูญพันธ์ในบางประเทศหากเราไม่ได้ทำอะไรเลยในตอนนี้” ซึ่ง Nespresso ก็ทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่อุดมสมบูรณ์ยังคงอยู่และเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาวต่อไปในอนาคต”

การพัฒนาสู่การเปลี่ยนแปลงยุคดิจิตอล

“Digital transformation คือ กุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างยั่งยืน” เดอ ปิเอโตรกล่าว

เนสท์เล่แสดงผลประกอบการปี 2017 ว่ามีการเติบโตในระดับโลกที่ตัวเลขประมาณ 4-6% และ 15-16% ในแถบอเมริกาเหนือ การเติบโตของบริษัทในเครือมาจากผลิตภัณฑ์กาแฟ ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ทางวิทยาการสุขภาพศูนย์กลางของความเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลและความยั่งยืนคือ Location intelligence บริษัทได้สร้างระบบการสังเกตการณ์และประมวลผลที่มีประสิทธิภาพโดยการใช้ดิจิตอลเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเก็บข้อมูล แผนที่ วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับไร่กาแฟ เกษตรกร และเมล็ดพันธุ์กาแฟ ซึ่งสามารถให้ข้อเสนอแนะสำหรับในท้องที่นั้นๆ รวมถึงข้อมูลเชิงลึกสำหรับโครงการ Nespresso AAA Sustainable Quality รวมถึงสถานะของแต่ละไร่กาแฟ และศักยภาพในการทำงาน ทางด้าน Digital platform ซึ่งมีผลมาจากการใช้งานระบบ GIS หรือระบบข้อมูลเชิงภูมิสารสนเทศ และการวิเคราะห์ข้อมูล ก็ทำให้เราได้ทราบถึงข้อมูลเชิงลึกว่าเกษตรกรมีวิธีการในการส่งเมล็ดกาแฟสู่โรงงานอย่างไร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในเพิ่มประสิทธิภาพของระบบซัพพลายเซน

การนำ Intelligence สู่ Location Data

เป้าหมายหนึ่งของปิเอโตรคือการช่วยเกษตรให้นำเมล็ดกาแฟเข้าสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทวิเคราะห์เมื่อไม่นานมานี้ในประเทศโคลอมเบียพูดถึง location intelligence ว่าสามารถสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจให้กับทั้งบริษัทและคู่ค้า อีกทั้งเกษตรกรนำเมล็ดกาแฟมาส่งให้กับโรงงานในประเทศโคลอมเบีย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะไปส่งให้กับโรงงานที่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ส่งบ่อยเท่ากับที่ประมาณการไว้  สิ่งนี้ทำให้เดอ ปิเอโตรมีคำถามว่าเราจะสามารถนำเทคโนโลยีระบบ GIS มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอย่างไร ที่เขาจะสามารถเข้าใจแบบแผนการปฏิบัติงานของเกษตรกร สิ่งที่เขาค้นพบคือลักษณะของภูมิประเทศของพื้นที่ มีผลต่อการจัดส่งเมล็ดกาแฟสู่ตลาดได้ทันเวลา โดยการใช้แผนที่ง่ายๆ ทีมงานของเขาสามารถคำนวณระยะทางของเกษตรกรไปสู่โรงงาน โดยการใช้ location intelligence ที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงระยะทางการเดินทางที่แท้จริงของเกษตรกรไปสู่โรงงานกลาง เดอ ปิเอโตรได้ลองนำการวิเคราะห์ลักษณะเดียวกันไปใช้กับนักปฐพีวิทยาที่มีเยี่ยมชมไร่กาแฟ Nespresso ผลออกมาก็คือเกษตรกรก็มีรูปแบบการไปส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปในทิศทางเดียวกัน บทวิเคราะห์ยังบอกอีกว่าพื้นที่ที่ต้องขึ้นลงเขามากๆ ใช้ระยะเวลาในการเดินทางมาก ก็ทำให้การเดินทางขนส่งบ่อยๆนั้นไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก

ดังนั้นบริษัทที่ต้องทำงานกับเกษตรกรกว่า 100,000 คน ก็มีความจำเป็นที่จะใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อช่วย location intelligence สามารถชี้ถึงแนวทางที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้ดีขึ้นและมีหลักปฏิบัติที่ยั่งยืน ถ้าโรงงานตั้งอยู่ศูนย์กลางของกลุ่มเกษตรกร เกษตรกรก็สามารถนำกาแฟมาสู่ตลาดได้รวดเร็วขึ้น หรือถ้านักปฐพีวิทยาสามารถมาถึงไร่ได้รวดเร็วขึ้น พวกเขาก็สามารถใช้เวลาทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะร้อยเปอร์เซ็นต์ของกาแฟ Nespresso นั้นมาจากไร่ที่มีการผลิตแบบยั่งยืน

เฉกเช่นเดียวกันกับร้านค้าปลีกและบริษัทขนส่งที่ใช้เทคโนโลยี location intelligence ในการวางตำแหน่งระยะทางในการขับขี่ ที่มีประสิทธิภาพที่สุดให้กับลูกค้าและพนักงานขนส่ง

 

“ปัจจุบัน Nespresso ใช้ระบบ GIS และ location intelligence เพื่อสร้างความเข้าใจถึงสภาพอากาศและภูมิศาสตร์รอบๆไร่กาแฟ เราทำงานอย่างเต็มที่เพื่อศึกษาผลกระทบของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและผันผวนในพื้นที่รอบๆไร่ รวมถึงผลกระทบจากไร่ไปสู่สิ่งแวดล้อมรอบๆเราด้วย” เดอ ปิเอโตรกล่าว

การใช้ location intelligence สังเกตความเป็นไปในทุกๆรายละเอียดของไร่กาแฟ ทำให้ Nespresso มีศักยภาพเหนือคู่แข่ง โดยการตรวจสอบทำเลที่ตั้งของแต่ละไร่ ซึ่งสามารถทำให้ประหยัดเวลามากขึ้นและเพิ่มผลผลิตได้ Location Intelligence ไม่ได้ให้แค่การดูแลไร่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการศึกษาและการวางแผนเชิงกลยุทธ์อีกด้วย Nespresso คาดหวังให้ผลผลิตของเมล็ดกาแฟที่ดีคงอยู่ต่อไปในอนาคต ผลิตภัณฑ์หลักและหัวใจของแบรนด์นี้คือ เมล็ดกาแฟที่กำลังเผชิญความเสี่ยงกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปีที่กำลังจะมาถึง บริษัทกำลังก้าวเข้าไปรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ในเชิงรุก และการก้าวเข้าไปไม่เพียงแค่เพื่อทุเลาความเสี่ยง แต่หมายถึงเทคโนโลยีดิจิตอลและlocation intelligence สรรสร้างความแตกต่างในกลยุทธ์ทางธุรกิจ

การดูแลรักษาความยั่งยืนของสภาวะแวดล้อมในทั้งหลักการและโอกาสนั้น จะทำให้องค์กรเพิ่มคุณค่าทางการแข่งขันและเป็นแนวทางพัฒนาให้กับนวัตกรรมในกลุ่มธุรกิจอีกด้วย