จากข้อมูลเชิงพื้นที่..สู่การตัดสินใจระดับชาติ มาเลเซียใช้ GIS พลิกประเทศสู่ระบบสาธารณสุขที่ดีขึ้น

 

ในหมู่บ้านห่างไกลของรัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเดินเคาะประตูบ้านทีละหลัง แจกจ่ายยาและบันทึกข้อมูลลงในแท็บเล็ต ขณะเดียวกัน ที่เมืองปุตราจายาใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ เจ้าหน้าที่ส่วนกลางสามารถติดตามความคืบหน้าแบบเรียลไทม์บนแดชบอร์ดที่แสดงภาพแผนที่ของประเทศ ว่าโรคกำลังถูกควบคุมอยู่ในพื้นที่ใดบ้าง

นี่คือภาพของการปฏิรูประบบสาธารณสุขของมาเลเซีย การเปลี่ยนผ่านจาก “การรายงานหลังเหตุการณ์” ไปสู่ “การลงมือเชิงรุก” ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (GIS) เข้ากับทุกขั้นตอนของงานด้านสุขภาพ จนกลายเป็นต้นแบบของการใช้แนวคิดเชิงภูมิศาสตร์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียม และยั่งยืน เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขอธิบายว่า เมื่อข้อมูลถูกแสดงบนแผนที่ พวกเขาสามารถเห็นได้ทันทีว่าพื้นที่ใดยังเป็นช่องว่างในการให้บริการ และพื้นที่ใดที่มีสถานการณ์รุนแรงที่สุด ช่วยให้ตัดสินใจและวางแผนได้ตรงจุดมากขึ้น

 

ก้าวข้ามข้อจำกัดของภูมิประเทศและทรัพยากร

ประเทศมาเลเซียมีภูมิศาสตร์ที่ซับซ้อน แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ มาเลเซียฝั่งคาบสมุทรที่มีระบบทางหลวงเชื่อมต่อกัน และมาเลเซียตะวันออก ซึ่งประกอบด้วยรัฐซาบะฮ์และซาราวักบนเกาะบอร์เนียว ลักษณะนี้ทำให้การจัดบริการทางการแพทย์สำหรับประชากรกว่า 36 ล้านคน (ที่พูดภาษามากถึง 137 ภาษา) เป็นความท้าทายที่ใหญ่ไม่น้อย แม้งบประมาณด้านสาธารณสุขจะเป็นลำดับที่สองของประเทศ แต่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่เพียง 1,259 ริงกิต (ประมาณ 268 ดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้ประสิทธิภาพกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

มาเลเซียจึงใช้เทคโนโลยี GIS เข้ามาช่วยบริหารสินทรัพย์ วางแผนบริการ และจัดส่งการรักษาอย่างมีระบบ จนสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลสุขภาพระดับชาติ Malaysian Health Data Warehouse (MyHDW) ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากทั่วประเทศไว้ในที่เดียว เพื่อให้ผู้วางแผนด้านสุขภาพเข้าใจทั้ง “จำนวน” “ตำแหน่ง” และ “สาเหตุ” ของปัญหาได้ชัดเจน

.

ปราบโรคจากบ้านสู่บ้าน

มาเลเซียใช้ GIS เพื่อช่วยควบคุมโรคพยาธิฟิลาเรียซิส (Filariasis) ซึ่งทำให้เกิดอาการบวมและความพิการอย่างรุนแรง หากพบผู้ติดเชื้อแม้เพียงรายเดียวในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จะจัดยาป้องกันให้กับทุกคนในพื้นที่นั้น เพื่อหยุดวงจรการแพร่เชื้อ

ในอดีต กระบวนการนี้ใช้เวลานานและยุ่งยาก เจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่สำรวจ แจกยา และจัดทำรายงานด้วยเอกสาร ทำให้การรวบรวมข้อมูลใช้เวลาหลายเดือน แต่วันนี้ ทีมงานภาคสนามใช้แท็บเล็ตในการเก็บข้อมูลครัวเรือนผ่านแอป GIS และระบบจะซิงค์ข้อมูลเข้าสู่แดชบอร์ดทุกวัน ส่งผลให้ระยะเวลาการแจกจ่ายยาลดลงจาก 6 เดือนเหลือเพียง 2 เดือน นอกจากนี้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นยังมาพร้อมความโปร่งใส เจ้าหน้าที่ส่วนกลางสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ายาถูกแจกจ่ายในพื้นที่ใดบ้าง การดำเนินงานครอบคลุมแค่ไหน และสามารถปรับกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์

การใช้แดชบอร์ดไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือรายงานตัวเลข แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนาเชิงกลยุทธ์ เมื่อข้อมูลบนแผนที่ทำให้ผู้บริหารมองเห็นภาพรวมของปัญหา พวกเขาก็พร้อมจะร่วมกันคิดและหาทางแก้ไขได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น

.

.COVID-19: เมื่อการเตรียมพร้อมพบกับวิกฤต

เทคโนโลยี GIS ได้พิสูจน์คุณค่าอย่างชัดเจนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้าการระบาดเพียงไม่กี่เดือน มาเลเซียได้ซ้อมแผนบริหารจัดการภัยพิบัติร่วมกับองค์การอนามัยโลก โดยเชื่อมโยงหน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศผ่านระบบ GIS

เมื่อมีรายงานผู้ป่วยรายแรก ทีมงานสามารถสร้างแดชบอร์ดติดตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยผสานข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งข้อมูลสุขภาพในประเทศ ข้อมูลการเดินทางระหว่างประเทศ และข้อมูลผู้ติดเชื้อทั่วโลก แทนที่จะเห็นเพียงตัวเลขบนรายงาน เจ้าหน้าที่สามารถเห็นภาพรวมของการแพร่ระบาดบนแผนที่ และตัดสินใจรับมือได้ทันเวลา

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ระบบ แต่คือ “วัฒนธรรมการใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่” ที่เกิดขึ้นในองค์กรและสังคม ผู้บริหารและประชาชนเริ่มพึ่งพาแผนที่ในการทำความเข้าใจและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น

.

แบบอย่างของระบบสุขภาพยุคใหม่

แนวคิดเชิงภูมิศาสตร์ได้กลายเป็นรากฐานของยุทธศาสตร์สุขภาพระยะยาวของมาเลเซีย ปัจจุบันประเทศมีฐานข้อมูลสินทรัพย์ด้านสาธารณสุขที่ครอบคลุม ตั้งแต่อุปกรณ์แพทย์มูลค่าสูง เช่น เครื่อง PET-CT เครื่องแมมโมแกรม ไปจนถึงรายชื่อและตำแหน่งของโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น ศูนย์มะเร็งและโรงพยาบาลสตรี ข้อมูลเหล่านี้ถูกผนวกกับข้อมูลประชากรและอัตราการเกิดโรค เพื่อใช้วางแผนการจัดสรรทรัพยากรในอนาคต เช่น การคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยมะเร็งจนถึงปี 2040 เพื่อวางแผนการจัดซื้ออุปกรณ์และการกระจายโรงพยาบาลอย่างเหมาะสม

เมื่อประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดลดลง รัฐบาลใช้การวิเคราะห์เชิงพื้นที่เพื่อปรับกลยุทธ์ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในการลงทุนของภาครัฐและความร่วมมือกับภาคเอกชน

เรื่องราวของมาเลเซียแสดงให้เห็นว่า “GIS สำหรับสาธารณสุข” ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่เป็นเครื่องมือที่เปิดมุมมองใหม่ให้ผู้นำและเจ้าหน้าที่เห็นภาพรวมของปัญหา ค้นพบแนวทางแก้ไข และขับเคลื่อนการตัดสินใจที่สร้างผลลัพธ์จริงให้กับชีวิตผู้คน

 

.