22 ต.ค. GIS คือหัวใจของการขับเคลื่อน Smart City เพราะสามารถ “เห็น เชื่อม วิเคราะห์ และคาดการณ์” ได้ทั้งระดับ เมือง – ทรัพย์สิน – ภัยพิบัติ ครบทุกมิติของการบริหารจัดการเมือง
เทคโนโลยี GIS คือหัวใจของการขับเคลื่อน Smart City” เพราะสามารถ “เห็น เชื่อม วิเคราะห์ และคาดการณ์” ได้ทั้งระดับ เมือง – ทรัพย์สิน – ภัยพิบัติ เมื่อทุกข้อมูลในเมืองถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน เมืองทั้งเมืองก็กลายเป็นระบบอัจฉริยะที่ “มองเห็น เข้าใจ และบริหารได้จริง ครบทุกมิติของการบริหารจัดการเมือง
ในยุคที่เมืองกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของประชากร ความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐาน หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ เทคโนโลยีจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้าง “เมืองอัจฉริยะ” ที่สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์
GIS (Geographic Information System) หรือระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เป็นหัวใจสำคัญของการบูรณาการข้อมูลทั้งหมดของเมืองเข้าด้วยกัน เพราะ GIS สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประชากร พื้นที่สิ่งปลูกสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค หรือข้อมูลจาก IoT และเซนเซอร์แบบ Real-time ทั้งหมดนี้สามารถเชื่อมโยงเข้ากับ “พิกัดเชิงพื้นที่” เพื่อให้เห็นภาพรวมของเมืองได้อย่างครบมิติ เมื่อข้อมูลเหล่านี้ถูกผสานเข้ากับ Digital Twin หรือ “แบบจำลองดิจิทัลของเมือง” ผู้บริหารเมืองสามารถมองเห็นภาพจำลองของเมืองทั้งระบบในมุมมอง 3 มิติ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละพื้นที่ และจำลองสถานการณ์เพื่อคาดการณ์ผลกระทบในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
ที่สำคัญ เทคโนโลยี GIS ไม่เพียงตอบโจทย์การบริหารจัดการในระดับเมือง (City Scale) เท่านั้น แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ได้เช่นกัน ทำให้สามารถดูแลโครงสร้างพื้นฐานและทรัพย์สินของเมืองได้ครบทุกมิติ ตั้งแต่การบริหารจัดการภาพรวมของเมือง ไปจนถึงรายละเอียดของทรัพย์สินเฉพาะจุดในอาคารต่าง ๆ
Geo City Data Platform ศูนย์กลางข้อมูลเมืองอัจฉริยะ เพื่อการบริหารจัดการเมืองอย่างยั่งยืน
การจัดการเมืองยุคใหม่ไม่สามารถพึ่งพาข้อมูลแบบแยกส่วนได้อีกต่อไป เทศบาลและหน่วยงานท้องถิ่นจำเป็นต้องมีระบบกลางที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน Geo City Data Platform จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ แพลตฟอร์มนี้ช่วยรวบรวมข้อมูลเมืองในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลผังเมือง ระบบคมนาคม สิ่งแวดล้อม พลังงาน สาธารณสุข หรือบริการสาธารณะ มาประมวลผลร่วมกันบนแผนที่เดียว ทำให้ผู้บริหารสามารถ “มองเห็นภาพรวมของเมืองแบบองค์รวม” และเข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลเชิงพื้นที่ได้อย่างลึกซึ้ง
จากเดิมที่ข้อมูลของแต่ละหน่วยงานแยกกันอยู่ Geo City Data Platform ช่วย “เชื่อมโยง” ข้อมูลทั้งหมดไว้ในระบบเดียว เพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจและวางแผนพัฒนาเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ขับเคลื่อนได้จริงและยั่งยืนในระยะยาว
Asset Management: ยกระดับการบริหารจัดการทรัพย์สินเมืองและอาคารด้วย GIS
นอกจากการบริหารจัดการในระดับเมือง เทคโนโลยี GIS ยังมีบทบาทสำคัญในด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ซึ่งครอบคลุมทั้งทรัพย์สินของเมืองและอาคาร ด้วยการบูรณาการข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น IoT Sensor, ภาพถ่าย, ระบบ SCADA ไปจนถึงข้อมูลเชิงพื้นที่จาก GIS เพื่อจำลองพฤติกรรม สถานะ และการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ได้อย่างแม่นยำ ทำให้มองเห็น “สถานะ” ของสินทรัพย์ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบสถานะของทรัพย์สิน เช่น อาคาร ถนน ระบบไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ หรือพื้นที่สาธารณะ ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้สามารถติดตามสภาพการใช้งานจริงในแต่ละจุดได้อย่างละเอียด ตั้งแต่ระดับโครงสร้างใหญ่จนถึงอุปกรณ์ภายในอาคาร
นอกจากนี้ GIS ยังช่วยให้สามารถวางแผนบำรุงรักษาทรัพย์สินได้อย่างแม่นยำ เช่น การคาดการณ์การเสื่อมสภาพของโครงสร้าง (Predictive Maintenance) หรือการตรวจสอบการใช้พลังงานในอาคารแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ ลดต้นทุน ยืดอายุการใช้งานของทรัพย์สินทุกประเภทในเมือง และรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Disaster Management การวิเคราะห์และรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติ: จากข้อมูลสู่การตัดสินใจเชิงรุก
อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของเทคโนโลยี GIS ในการพัฒนาเมืองให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ คือการวิเคราะห์และรับมือภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย ดินถล่ม ไฟไหม้ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินในเมือง ระบบสามารถรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์จากเซนเซอร์และแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อสร้างแบบจำลองจำลองสถานการณ์ (Simulation) ที่ช่วยประเมินความเสี่ยงของพื้นที่และคาดการณ์ผลกระทบได้อย่างแม่นยำ
เมื่อเกิดเหตุจริง สามารถแสดงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงบนแผนที่แบบ Real-time ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามสถานการณ์ วางแผนช่วยเหลือประชาชน และบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม
Smart City ที่เชื่อมโยงทุกมิติของเมืองด้วย GIS
การบูรณาการข้อมูลเมืองผ่าน GIS และการจำลองเมืองในรูปแบบ Digital Twin คือก้าวสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ “เมืองที่เข้าใจตัวเอง” เมืองที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจริง ปรับตัว และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยี GIS ช่วยให้การบริหารจัดการเมืองไม่จำกัดอยู่เพียงในระดับภาพรวมอีกต่อไป แต่สามารถเจาะลึกลงไปถึงระดับอาคารและโครงสร้างย่อยได้ ทำให้เกิดการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะที่ “ครบทุกมิติ” อย่างแท้จริง — ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินในทุกระดับ
เทคโนโลยี GIS จาก Esri จึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์เชิงพื้นที่เท่านั้น แต่คือ รากฐานสำคัญของการสร้าง Smart City ที่เชื่อมโยงทุกมิติของเมืองเข้าด้วยกัน เพื่อให้หน่วยงานสามารถบริหารจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด มีข้อมูลพร้อมใช้ในการตัดสินใจ และวางแผนพัฒนาเมืองได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
.


