เมื่อ “แผนที่อัจฉริยะ” กลายเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของไวน์ระดับโลก

 

ไวน์พอร์ต Dow’s Vintage ปี 2011 จาก Symington Family Estates ได้รับการขนานนามจากนิตยสาร Wine Spectator ว่าเป็น “Wine of the Year” ประจำปี 2014 และเบื้องหลังของความสำเร็จนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของสภาพอากาศที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลอย่างละเอียดอ่อนที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยสำคัญ

“ในปีนั้น ฝนตกในช่วงเวลาที่พอเหมาะ อุณหภูมิและความชื้นก็สมดุล การสุกขององุ่นก็เป็นไปตามจังหวะที่ดี” Pedro Leal da Costa หัวหน้าทีมปลูกองุ่นของ Symington Family Estates เล่า

แม้ว่าสภาพอากาศที่ดีเยี่ยมจะเป็นสิ่งที่ยากจะทำซ้ำ โดยเฉพาะในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลรุนแรงมากขึ้น แต่ทีมงานของ Symington ก็เลือกที่จะใช้ “วิทยาศาสตร์การเกษตรที่ดีที่สุด” มาช่วยปรับกระบวนการผลิตให้ดีขึ้นในทุกปี ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่พวกเขาเลือกใช้ คือ ระบบภูมิสารสนเทศ (GIS)

 

ใช้ GIS เพื่อติดตาม—และปรับปรุง—ทุกขั้นตอน

Symington Family Estates ดูแลไร่องุ่นกว่า 27 แห่งในหุบเขา Douro ประเทศโปรตุเกส ภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Graham’s, Dow’s, Warre’s, Cockburn’s และ Quinta do Vesuvio โดยมีการเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพขององุ่น ดิน และสภาพแวดล้อมผ่าน GIS ทั้งหมด

โครงการ “Grape Library” ของทีมวิจัยและพัฒนาสามารถติดตามสายพันธุ์องุ่นกว่า 53 ชนิด พร้อมกับเครือข่ายตรวจวัดระยะสุกของผลผลิต โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาแสดงผลเป็นแผนที่ เพื่อให้ทีมภาคสนามเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ และวางแผนการเก็บเกี่ยวอย่างแม่นยำ “ช่วงเก็บเกี่ยวเป็นช่วงเวลาที่เราใช้ GIS หนักที่สุดในแต่ละปี” Leal da Costa อธิบาย พร้อมเสริมว่า ทุกวันจันทร์ เขาจะประชุมกับทีมวิจัยและผู้เชี่ยวชาญภาคสนามเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์แบบละเอียด ตั้งแต่ปริมาณปุ๋ยที่ใช้ การควบคุมแมลง สภาพอากาศ ไปจนถึงผลผลิตที่ได้จริง

 

แผนที่กับการเก็บเกี่ยวไวน์คุณภาพ

ในช่วงเก็บเกี่ยว องุ่นจากต้นเดียวกันอาจถูกเก็บหลายรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละพวงสุกเต็มที่ โดยทีมจะสุ่มตัวอย่าง เพื่อตรวจสอบทางเคมี รสชาติ สี และขนาดขององุ่นจากภาพถ่ายใกล้และภาพถ่ายทางอากาศความละเอียดสูง ก่อนจะตัดสินใจว่าแปลงใดควรเก็บเกี่ยวก่อน “เรามีแผนที่แสดงระยะการพัฒนาทางชีวภาพขององุ่นแต่ละพันธุ์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภูมิอากาศ” Leal da Costa กล่าว

แผนที่นี้ไม่ได้มีไว้แค่เพื่อการวางแผนเท่านั้น แต่ยังเป็น “ภาษากลาง” ระหว่างทีมภาคสนามและผู้ผลิตไวน์ ที่ช่วยชี้เป้าว่า ควรเก็บเกี่ยวองุ่นที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดของไวน์ในแต่ละปี

ด้วยประสบการณ์การทำไวน์มากว่า 5 รุ่น Symington Family Estates ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพเหนือปริมาณ” และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไวน์ที่ดีต้องเริ่มจากองุ่นที่ดี และการได้องุ่นที่ดีไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากการวางแผน การจัดการดิน การใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม และการเข้าใจลักษณะเฉพาะของพื้นที่ปลูกในแต่ละแปลงอย่างลึกซึ้งผ่านแผนที่ GIS

“คุณทำไวน์ดีจากองุ่นดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่คุณไม่มีทางทำไวน์ดีจากองุ่นแย่” Leal da Costa กล่าว เขายังเน้นว่า “ไวน์ที่ดีที่สุดไม่ได้มาจากปริมาณที่มากที่สุด แต่จากองุ่นที่สมบูรณ์ที่สุด” และการทำให้ได้องุ่นคุณภาพสูงนั้น ต้องใช้แผนการดูแลที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่ชื้นเกินไปหรือแห้งเกินไป ก็ต้องมีวิธีจัดการที่เฉพาะเจาะจง

 

 

ดูแลดิน เพื่ออนาคตของไร่องุ่น

หนึ่งในภารกิจระยะยาวของทีมคือการปรับปรุงคุณภาพของดินในหุบเขา Douro ซึ่งเต็มไปด้วยหินชนวนที่เป็นกรดและมีอินทรียวัตถุน้อย พวกเขาใช้ GIS เพื่อวิเคราะห์พารามิเตอร์ต่าง ๆ ที่มีผลต่อดิน และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำว่าจะฟื้นฟูอย่างไร เช่น การเติมแคลเซียมเพื่อเพิ่มค่าความเป็นด่าง (pH) จากระดับ 4.8 ให้ใกล้เคียง 6.3 ซึ่งเหมาะสมกับการปลูกองุ่น

GIS ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาคสนามและโรงงานผลิตไวน์ โดยเฉพาะในแง่ของ terroir หรือเอกลักษณ์ของพื้นที่ปลูก เช่น ความสูง อุณหภูมิ หรือระยะห่างจากแม่น้ำ ที่ส่งผลต่อรสชาติขององุ่น

และนั่นคือเบื้องหลังความสำเร็จของ Dow’s Vintage Port ปี 2011 ที่ได้รับคำชมจาก Wine Spectator ว่ามีรสช็อกโกแลตและเครื่องเทศที่กลมกล่อม ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการทำงานของทีมที่ไม่เคยหยุดพัฒนา ด้วยข้อมูลที่ละเอียด แผนที่ที่แม่นยำ และการตัดสินใจที่อิงจากคุณภาพ GIS จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตไวน์ระดับโลกในยุคปัจจุบัน

 

 

.

Tags: