เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี GIS

Location มีบทบาทสำคัญในการทำงานของภาครัฐบาล ตั้งแต่การวางแผนระยะยาวและการบริหารสินทรัพย์ ไปจนกระทั่งความปลอดภัยในชุมชน และการตอบสนองความต้องการของประชาชน หากเรานำข้อมูลที่ซับซ้อนมาใช้ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานทางภูมิศาสตร์ จะช่วยให้เราเข้าใจ วิเคราะห์ และจัดการกับข้อมูลนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น

การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) อย่างสมบูรณ์ จําเป็นต้องมีข้อมูลเชิงตําแหน่ง (Location-based) เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางผังเมือง ออกแบบ และวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้ Esri Thailand จึงได้นำเทคโนโลยี GIS มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาเมืองให้เป็น Smart City  ที่หน่วยงานภาครัฐบาลจำเป็นต้องนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพาชุมชนสู่ความอัจฉริยะ เพิ่มศักยภาพให้ใช้ข้อมูลได้เต็มประสิทธิภาพ วางแผนและบริหารจัดการด้านต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น การสร้างระบบที่มี Location เป็นพื้นฐาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพราะมีข้อมูลมาช่วยประกอบการตัดสินใจ นำไปสู่การเป็นประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงและเพื่อความยั่งยืนในอนาคต

เทคโนโลยี GIS สามารถประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาเมืองสู่ Smart City ในด้านต่างๆ ดังนี้

• สนับสนุนการวางแผนและจัดโครงสร้างเพื่อปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลง

• เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการ

• ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อรับรู้สถานการณ์และโต้ตอบแบบเรียลไทม์

• ลดความเหลื่อมล้ำผ่านการสร้างความสัมพันธ์ และความเท่าเทียมกันทางสังคม

Esri เป็นผู้นำด้าน Location Intelligence และเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีที่ช่วยในการสร้างชุมชนอัจฉริยะ ซึ่งปัญหาที่ท้าทายของการพัฒนา Smart City จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้เทคโนโลยี Geographic Information System (GIS) ตั้งแต่การเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงาน ไปจนกระทั่งการสร้างจินตนาการถึงชุมชนที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงและเพื่อความยั่งยืนในอนาคต

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ GIS เพื่อพัฒนา Smart City คลิกที่นี่

 

 

 

Tags: