ถอดบทเรียน เมืองแทลลาแฮสซีใช้ GeoAI ฟื้นฟูเมืองหลังเกิดพายุได้ในเวลาไม่กี่วัน

 

AI ผสานพลัง GIS: จากภาพถ่ายทางอากาศสู่แผนที่อัจฉริยะ ฟื้นฟูต้นไม้และเมืองหลังพายุได้รวดเร็วกว่าเดิม

การผสานเทคโนโลยี GeoAI (Geospatial Artificial Intelligence) เข้ากับ GIS (Geographic Information System) กำลังกลายเป็นตัวเร่งสำคัญในการจัดการเมืองและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เรื่องราวของเมืองแทลลาแฮสซี รัฐฟลอริดา คือหนึ่งในกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรท้องถิ่นสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ แม้จะมีทรัพยากรและบุคลากรที่จำกัด

เมื่อทอร์นาโดพัดถล่มแทลลาแฮสซี: AI สร้างแผนที่ความเสียหายในไม่กี่วัน แทนที่จะใช้เวลาหลายเดือน

เมื่อพายุเฮอร์ริเคนไอดา (Hurricane Idalia) พัดถล่มฟลอริดา เมืองแทลลาแฮสซีต้องเผชิญความท้าทายใหญ่: การประเมินความเสียหายของต้นไม้หลายพันต้นที่ล้มลงและสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน ทีมงานเลือกใช้ AI ผสาน GIS วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศแบบอัตโนมัติ สามารถจำแนกต้นไม้ที่หักโค่น ประเมินพื้นที่เสียหาย และสร้างแผนที่ดิจิทัล เพื่อใช้วางแผนฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าการใช้แรงงานคน

 

AI ผสานพลัง GIS: จากภาพถ่ายทางอากาศสู่แผนที่อัจฉริยะ ฟื้นฟูต้นไม้และเมืองหลังพายุได้รวดเร็วกว่าเดิม

Jason Cox นักวิเคราะห์ระบบจากแผนกระบบภูมิสารสนเทศของแทลลาแฮสซี–ลีออนเคาน์ตี (TLCGIS) พัฒนาเทคนิคใหม่ที่ช่วยเร่งการฟื้นฟูต้นไม้หลังพายุ โดยใช้โมเดล AI ใน GIS เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นของต้นไม้ก่อนและหลังพายุ ระบบสามารถระบุรูปแบบความเสียหายจากภาพถ่ายทางอากาศ และแปลงข้อมูลออกมาเป็นแผนที่ GIS ให้ผู้บริหารใช้คำนวณค่าใช้จ่ายและวางแผนการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างแม่นยำ

ไม่เพียงแค่การฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว หน่วยกู้ภัยยังได้ประโยชน์จากการผสาน GIS และ AI หรือที่เรียกว่า GeoAI Jason Coxได้สร้าง “Smart Map” ที่สามารถระบุเส้นทางในลานจอดรถ ซอกซอย หรือพื้นที่พาณิชย์ เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงผู้ประสบภัยได้ใกล้และเร็วขึ้น

Jason Cox เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานชั่วคราวในหน่วยงานไอทีของเมือง แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และการทดลองใช้เทคโนโลยี เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่าย GIS ของเมืองได้สำเร็จ เรื่องราวของเขาสะท้อนให้เห็นว่า GeoAI และ GIS ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่ยังเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ การทดลอง และการสร้างนวัตกรรม ที่บุคลากรท้องถิ่นสามารถต่อยอดได้ด้วยตัวเอง

 

แผนที่ประเมินความเสียหายของต้นไม้โดย AI แสดงรูปแบบผลกระทบจากพายุทั่วเมืองแทลลาแฮสซี พื้นที่สีเขียวแสดงถึงความสมบูรณ์ของต้นไม้ ส่วนพื้นที่สีแดงระบุความเสียหายที่ต้องได้รับการดูแล การวิเคราะห์อัตโนมัตินี้ช่วยย่นระยะเวลาจากการสำรวจภาคสนามด้วยมือเป็นหลายเดือน ให้เหลือเพียงไม่กี่วันด้วยการประมวลผลของคอมพิวเตอร์

 

GeoAI พลิกโจทย์ท้องถิ่น: เครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้องค์กรท้องถิ่นทำงานได้มากขึ้น แม้งบประมาณและทรัพยากรมีจำกัด

เมืองแทลลาแฮสซีต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านบุคลากรและงบประมาณ แต่ด้วยเครื่องมืออย่าง ArcGIS ที่มาพร้อมความสามารถด้าน AI และ Machine Learning ทำให้ทีมสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า TLCGIS ได้สร้างโปรเจคนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายด้วย Location Intelligence

ตัวอย่างเช่น

  • Flood Resource App (ใช้ภายใน) แสดงข้อมูลลุ่มน้ำและความเสี่ยงน้ำท่วมแบบเรียลไทม์ เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการวางแผน
  • Land Information App ให้ข้อมูลด้านการใช้ที่ดิน การครอบครอง และผังเมือง ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ
  • EOC Dashboard (ใช้ภายใน) นำเสนอข้อมูลเรียลไทม์ระหว่างภาวะฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุ ถนนปิด หรืออาคารเสียหาย เพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็ว
  • Permit Finder รวมข้อมูลการขออนุญาตก่อสร้างของเมืองและมณฑล ไว้ในแหล่งเดียวเพื่อความสะดวกและโปร่งใส

 

หลังจากประสบความสำเร็จในการใช้ AI ช่วยประเมินความเสียหาย เมืองแทลลาแฮสซีกำลังต่อยอดไปอีกขั้นด้วยการทดลองใช้ Generative AI และโมเดล GPT ร่วมกับข้อมูลเชิงพื้นที่ เพื่อสร้างระบบช่วยตัดสินใจที่มีความอัจฉริยะและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เป้าหมายไม่ใช่เพียงการรับมือกับภัยพิบัติ แต่ยังรวมถึงการวางแผนพัฒนาเมืองในระยะยาวอย่างยั่งยืน

 

TLCGIS ใช้ AI ในการเติมสีให้กับภาพถ่ายทางอากาศเก่า เช่นภาพขาวดำจากปี 1954 (ซ้าย) ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภาพสีสมบูรณ์ (ขวา) เทคโนโลยี GeoAI นี้ช่วยให้นักประวัติศาสตร์และนักวางผังเมืองมองเห็นพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เมืองแทลลาแฮสซีได้อย่างชัดเจนตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา

.

กรณีของเมืองแทลลาแฮสซีสะท้อนให้เห็นว่า GeoAI และ GIS ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัว แต่เป็นเครื่องมือที่องค์กรท้องถิ่นสามารถนำมาใช้จริงเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูเมืองหลังภัยพิบัติ การบริหารทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หรือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เรื่องราวนี้ยังชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง เครื่องมือที่ทรงพลัง + ทีมงานที่มีใจรักและพร้อมเรียนรู้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างเมืองอัจฉริยะในอนาคต

 

 

.